อาชีพนักเทคนิคการแพทย์


               

                นักเทคนิคการแพทย์ (Medical technologist หรือ Medical laboratory technologist) เป็นวิชาชีพทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ ที่ปฏิบัติงานภายในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ พ.ศ. 2547 ได้ให้ความหมายของวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ไว้ว่า เป็นวิชาชีพที่กระทำต่อมนุษย์เพื่อให้ได้สิ่งตัวอย่างทางการแพทย์ และการดำเนินการโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการตรวจ ทดสอบ วิเคราะห์ วิจัย และการรายงานผลการตรวจ เพื่อวินิจฉัย การติดตามการรักษา การพยากรณ์โรค และการป้องกันโรค หรือเพื่อประเมินภาวะสุขภาพ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ อาชีพเทคนิคการแพทย์

1. การเรียนการสอนในสาขาเทคนิคการแพทย์นั้น ครอบคลุมสาขาวิชาต่าง ๆ ดังนี้

เทคนิคการแพทย์.png (233×216)       สาขาเคมีคลินิก (Clinical chemistry) 
       สาขาจุลชีววิทยาคลินิก (Clinical microbiology) 
       สาขาจุลทรรศนศาสตร์คลินิก (Clinical Microscopy) 
       สาขาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด (Transfusion medicine) 
       สาขาปรสิตวิทยา 
       สาขาภูมิคุ้มกันวิทยา 
       สาขาโลหิตวิทยา

2. หน้าที่ของนักเทคนิคการแพทย์

                นักเทคนิคการแพทย์นั้นมีหน้าที่ตั้งแต่กระบวนการรับสิ่งส่งตรวจจากผู้เข้ามารับบริการ เช่น เลือด ปัสสาวะ อุจจาระ โดยจะทำการตรวจสอบชื่อและสิ่งส่งตรวจของผู้ป่วยว่าเป็นคนเดียวกัน และจะตรวจดูคุณภาพของสิ่งส่งตรวจว่าเหมาะสมสำหรับนำมาทดสอบทางห้องปฏิบัติการหรือไม่ เนื่องจากสิ่งส่งตรวจที่ไม่เหมาะสมจะมีผลต่อการผลทดสอบด้วย
                หลังจากนั้น จะนำสิ่งส่งตรวจไปทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์เพื่อวินิจฉัย พยากรณ์ ติดตาม หรือประเมินสุขภาวะของผู้เข้ามารับบริการ ซึ่งจะรายงานผลให้แก่แพทย์หรือผู้ป่วยได้ทราบต่อไป
                นอกจากนั้น นักเทคนิคการแพทย์ยังต้องควบคุมคุณภาพต่าง ๆ ภายในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ อาทิเช่น การควบคุมคุณภาพของการรับสิ่งส่งตรวจ ขั้นตอนระหว่างการทดสอบ และตรวจสอบความถูกต้องของผลทดสอบ โดยปกตินั้น นักเทคนิคการแพทย์จะทำการลงชื่อเพื่อรับรองผลการทดสอบทุกครั้งก่อนรายงานผลทางห้องปฏิบัติการ
3. การประกอบอาชีพ

                นักเทคนิคการแพทย์สามารถทำงานในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ทั้งในภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ ยังสามารถทำงานอย่างอื่นได้ เช่น เป็นตัวแทนขายเครื่องมือ-น้ำยาทางการแพทย์ หรือศึกษาต่อในระดับบัณฑิตศึกษาได้ในหลายสาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์ได้
                การเรียนการสอนวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ เริ่มขึ้นที่คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นแห่งแรก ในปี พ.ศ. 2500[4] โดยมีที่ทำการอยู่ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลศิริราช และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ต่อมาคณะเทคนิคการแพทย์ ที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้โอนมาเป็นภาควิชาเทคนิคการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และแยกออกมาเป็นคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อปี พ.ศ. 2534[5] ซึ่งนับเป็นสถาบันแห่งที่ 2 ที่เปิดการเรียนการสอนในวิชาชีพนี้ ต่อมาจึงมีการตั้ง คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นแห่งที่ 3 ปัจจุบัน มีสถาบันอุดมศึกษาที่เปิดการเรียนการสอนทั้งหมด 9 แห่ง ได้แก่
คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล 
คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
สำนักวิชาสหเวชศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 
คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 
คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต 
คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว
                ในการเรียนชั้นปีที่ 4 จะได้มีการฝึกปฏิบัติงานตามโรงพยาบาลคลอบคลุมทุกสาขาวิชา ปัจจุบันได้มีการเปิดสอนเทคนิคการแพทย์เฉพาะสาขา ใน การดูแลของ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล[6] ในหลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (สาขาวิชาหลัก) ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (สาขาวิชาหลัก)

                - ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา โลหิตวิทยา (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (โลหิตวิทยา))
                - ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา จุลทรรศนศาสตร์คลินิก (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (จุลทรรศนศาสตร์คลินิก))
                - ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา เคมีคลินิก (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (เคมีคลินิก))
                - ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา จุลชีววิทยาคลินิก (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (จุลชีววิทยาคลินิก))
                - ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา วิทยาภูมิคุ้มกันคลินิก (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (วิทยาภูมิคุ้มกันคลินิก))
                - ประกาศนียบัตรบัณฑิตเทคนิคการแพทย์ สาขา ปรสิตวิทยา (ป. บัณฑิตเทคนิคการแพทย์ (ปรสิตวิทยา))
                - ประกาศนียบัตรบัณฑิต สาขา อุปกรณ์เวชศาสตร์ชันสูตร (ป.บัณฑิต (อุปกรณ์เวชศาสตร์ชันสูตร))
4.  การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพ

                ในอดีตผู้ที่จะประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ได้นั้น จะต้องจบหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (เทคนิคการแพทย์) และต้องขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ ซึ่งออกโดยกองการประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข แต่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 ผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์จะต้องขึ้นทะเบียนขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ จาก สภาเทคนิคการแพทย์
                ในบางมลรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น ใน มลรัฐฮาวายมลรัฐแคลิฟอร์เนียมลรัฐฟลอริดามลรัฐเนวาดา และมลรัฐลุยเซียนา เป็นต้น นักเทคนิคการแพทย์จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพตามกฎหมาย และจะต้องมีการศึกษาต่อเนื่องเพื่อต่ออายุใบอนุญาตเป็นประจำ
5. คำนำหน้าชื่อและอักษรย่อ

                ในประเทศไทย นักเทคนิคการแพทย์สามารถใช้คำนำหน้าชื่อ เพื่อแสดงถึงการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ได้ โดยให้ผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ชาย ใช้คำนำหน้าชื่อ "ทนพ." และผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์หญิง ใช้คำนำหน้าชื่อ "ทนพญ." [7]
                สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา นักเทคนิคการแพทย์จะใช้อักษรย่อว่า "MT" ซึ่งมาจาก "Medical technologist (เรียกสั้น ๆ ว่าMed tech)" ซึ่งคล้าย ๆ กับแพทย์ที่ใช้อักษรย่อคำว่า "MD" ย่อมาจาก Doctor of medicine และ พยาบาลจะใช้คำย่อว่า "RN" ซึ่งย่อมาจาก Registered Nurse และถ้าหากนักเทคนิคการแพทย์ที่ผ่านการรับรองจาก "ชมรมพยาธิวิทยาคลินิกแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ American Society for Clinical Pathology" ก็อาจจะใช้คำย่อว่า "MT (ASCP)" และเช่นเดียวกัน ถ้าหากผ่านรับการรับรองจาก "สมาคมธนาคารเลือดแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ American Association of Blood Banks ก็สามารถใช้ชื่อย่อว่า "SBB" ได้เช่นกัน โดยสามารถเขียนอักษรย่อเป็น "MT (ASCP) SBB"
6. สภาพการจ้างงาน 

                นักเทคนิคการแพทย์ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินรายเดือน ซึ่งแตกต่างกันไปตามความรู้และความชำนาญ สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ไม่มีประสบการณ์จะมีรายได้ ดังนี้
7. ประเภทองค์กร เงินเดือน

                ราชการ 7,260
                เอกชน12,000 15,000
                ส่วนใหญ่ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง อาจต้องมาทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดหรือทำงานล่วงเวลา อาจต้องมีการจัดเวรอยู่ประจำ โรงพยาบาล นอกจากผลตอบแทนในรูปเงินเดือนแล้วในภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนอาจได้รับผลตอบแทนในรูปอื่น เช่น ค่ารักษาพยาบาล เงินสะสม เงินช่วยเหลือ สวัสดิการในรูปต่างๆ เงินโบนัส เป็นต้น สำหรับผู้ที่สำเร็จเทคนิคการแพทย์ที่มีเงินทุนสามารถประกอบธุรกิจส่วนตัวด้วยการเปิดห้องแล็ปเพื่อตรวจ และวิเคราะห์สิ่งส่งตรวจรายได้ที่ได้รับขึ้นอยู่กับความสามารถ และความอุตสาหะ
8. สภาพการทำงาน

                นักเทคนิคการแพทย์ต้องทำงานในห้องทดลอง ต้องอยู่กับสารเคมีที่ต้องใช้ในการทดสอบกับสิ่งส่งตรวจซึ่งอาจจะเป็น ปัสสาวะ อุจจาระ เลือด เป็นต้น ซึ่งผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ต้องไม่รังเกียจต่อการที่ต้องทดสอบสิ่งส่งตรวจดังกล่าวในข้างต้น นักเทคนิคการแพทย์ต้องระมัดระวัง การติดเชื้อที่ปนเปื้อนมากับสิ่งส่งตรวจ รวมทั้งสารเคมีใน ห้องปฏิบัติการทดลองอาจจะมีปฏิกิริยาที่ทำให้เป็นอันตรายได้ ดังนั้นจึงต้องทำงานตามขั้นตอนและการป้องกันตามระเบียบที่กำหนดไว้
9. คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ 

1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาเทคนิค การแพทย์
2. เป็นผู้ใฝ่รู้ ติดตามการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่าง รวดเร็ว
3. ฝึกฝนตนให้มีความชำนาญในการตรวจวินิจฉัยที่ตัวผู้ตรวจเองต้องมีความรู้ในการตัดสินใจ
4.รู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้ให้เหมาะสม
5. เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบในการออกรายงานผลการตรวจ
6.เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดี ทั้งกับผู้ที่มารับการตรวจและผู้ร่วมงานทั้งภายในและภายนอก
7.มีความสามารถในการแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานในทุกกรณีด้วยการใช้ปัญญา
8.มีคุณธรรมและจริยธรรมมีจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
9.มีความสุขุมรอบคอบเยือกเย็น อดทน ชอบช่วยเหลือเสียสละ
10.ทำงานมีระเบียบแบบแผนและสามารถพัฒนาความรู้ในการทำงานให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ
11.ไม่มีความพิการหรือโรคที่เป็นอุปสรรคต่อการศึกษาและการประกอบวิชาชีพ เช่น ตาบอดสี เป็นต้น
12.มีพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในด้านเคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา รวมทั้งคณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษเป็นอย่างดี
13.มีบุคลิกดี มีความเชื่อมั่นในตนเอง สามารถปรับตัวในการทำงานและการให้ความร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ
10. ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้

                ผู้ที่ต้องการจะเป็นนักเทคนิคการแพทย์ต้องสำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์ และสมัครสอบในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาโดยทบวงมหาวิทยาลัยจะต้องศึกษาระดับปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาเทคนิคการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ เช่นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิม พระเกียรติ มหาวิทยาลัยรังสิต เป็นต้น ใช้เวลาการศึกษาตามหลักสูตร 4 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วต้องขอขึ้นทะเบียนประกอบโรคศิลป์สาขาเทคนิคการแพทย์ สำหรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาของมหาวิทยาลัยของรัฐ ปีละประมาณ 55,000 - 60,000 บาท
11. โอกาสในการมีงานทำ

                ผู้ที่สำเร็จปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิต(เทคนิคการแพทย์) และได้ขอรับใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์สาขาเทคนิคการแพทย์ สามารถสมัครงานในภาครัฐในตำแหน่งนักเทคนิคการแพทย์ โดยปฏิบัติหน้าที่ในห้องปฏิบัติการชันสูตรใน โรงพยาบาลต่างๆในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มหาวิทยาลัย กองทัพ องค์การและสถาบันวิจัยต่างๆ
                สำหรับผู้ที่สนใจทำงานในภาคเอกชนสามารถสมัครงาน ตามโรงพยาบาล เอกชนห้องปฏิบัติการศูนย์แล็ปต่างๆ บริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์และเครื่องมือทางการแพทย์ ตลอดจนโรงงานอุตสาหกรรม อาชีพนี้ยังเป็นที่ต้องการในตลาดแรงงานเนื่องจากยังขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคที่ไกลความเจริญ
                ปัจจุบัน ทบวงมหาวิทยาลัยได้จัดให้สาขาเทคนิคการแพทย์ เป็นสาขาวิชาชีพขาดแคลน ซึ่งสถาบันต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนต้องเพิ่มจำนวนการผลิตนักเทคนิคการแพทย์ และผู้ประกอบวิชาชีพนี้ จะได้รับเงินเพิ่มพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือน
12. โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ

                ผู้ประกอบอาชีพนี้สามารถได้รับการเลื่อนขั้นและเลื่อนตำแหน่งได้ตามผลงาน ประสบการณ์และอายุงานที่ปฏิบัติ โดยตำแหน่งสูงสุดสามารถขึ้นได้ถึงระดับบริหารในหน่วยงานนั้น นักเทคนิคการแพทย์สามารถหารายได้พิเศษ โดยปฏิบัติงานในห้องทดลองในศูนย์แล็ปต่าง ๆ และสามารถศึกษาต่อระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ทั้งในและต่างประเทศได้หลายสาขา เช่น สาขาเทคนิคการแพทย์ พยาธิวิทยาคลีนิคจุลชีววิทยาชีวเคมี พยาธิชีววิทยาสรีรวิทยา พิษวิทยานิติวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ อายุรศาสตร์เขตร้อน วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น หรืออาจจะเปลี่ยนไปเรียนสาขาอื่นเช่น ปริญญาโททางธุรกิจ หรือเข้าศึกษาแพทย์ เมื่อสำเร็จการศึกษาสามารถประกอบอาชีพเป็นอาจารย์สอนในสถาบันที่เปิดสอนหลักสูตรเทคโนโลยีการแพทย์ได้
13. อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง

                นักเทคโนโลยีเกี่ยวกับเนื้อ นักวิเคราะห์เมล็ดพืช นักผสมเทียม

                  ที่มา https://sites.google.com/site/tonnaam60014/4-thekhnikh-kar-phaethy

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้